เรียนรู้เทคนิคการเต้นจาก ประวัติครูหน่อยสอนเต้น
เต้นจากเป็นศิลปะการเคลื่อนไหวที่มีอายุย้อนหลังมากกว่า 500 ปี และเคยเป็นการเคลื่อนไหวที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของคนในช่วงก่อน โดยเรียนรู้เทคนิคการเต้นจากประวัติครูหน่อยสอนเต้น จึงเป็นการให้เราได้ศึกษาเรื่องราวพื้นฐานเกี่ยวกับศิลปะการเต้นจากยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน และเป็นการเรียนรู้เทคนิคในการเต้นอย่างมืออาชีพ
ประวัติครูหน่อยสอนเต้น
นางสาวครูหน่อย หรือชื่อจริงคือ น้องแก้ม รักษ์รอด ได้เริ่มต้นเต้นจากตัวเองเมื่ออายุ 13 ปี ต่อมาได้เรียนรู้ศิลปะการเต้นจากอาจารย์ศิลปินที่ชื่อว่า ครูคิด และเป็นหนึ่งในนักเต้นที่ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาจาก กรมศิลปากรไทย
ในปี 2010 น้องแก้มได้เข้าร่วมการแข่งขัน “So You Think You Can Dance (SYTYCD) เอกลักษณ์คนเต้นไทย” และเข้ารอบชิงชนะเลิศ ทำให้เธอได้รับการจับมือจากแพลตฟอร์มการเต้นระดับโลก
เต้นจาก แต่ละยุค
การเต้นจาก แต่ละยุคนั้นมีลักษณะและความหมายที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
1. ยุคโบราณ : ศิลปะการเต้นจากยุคโบราณอาจมีลักษณะเป็นการเต้นร้องเพลง เป็นวัฒนธรรมและพื้นที่ตามที่ปรากฎความต้องการของคนในกลุ่มเขตพื้นที่นั้น ทั้งการเต้นขบถ, เต้นเลื่อน, การพับตัว, การกระโดด, การต่อสู้, การเจริญของชีวิต.
2. ยุคกลาง : ในยุคกลางมีการพัฒนาความรู้ความสามารถ และมีการเอาหลักการของทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยพัฒนาศิลปะการเต้นชนิดใหม่ออกไป ดังนี้
* Renaissance dance : เป็นการเต้นยุค Renaissance ที่เน้นเสน่ห์ความสง่างามและพฤติกรรมของคนชั้นสูง
* Baroque dance : ศิลปะการเต้นที่เน้นความสมบูรณ์แบบและการตระหนักถึงสะดวกสบายในการเต้น
* Classical ballet : เป็นการเต้นที่เน้นการใช้ความยืดหยุ่นและความงดงามของร่างกาย
3. ยุคสมัยใหม่ : ลักษณะหลักของการเต้นในยุคนี้คือการนำเอาศิลปะการเต้นจากทุกวัฒนธรรมมาผสมผสานกัน โดยเน้นการเต้นเพื่อเพลง เต้นเพื่อการแสดง และการเต้นสื่อสาร
4. ยุคปัจจุบัน : ศิลปะการเต้นโมเดิร์นเน็ตเวิร์คที่เน้นความสวยงามและความสนุกสนาน เครื่องดนตรีมักเป็นเพลงดนตรีโปรแกรม และมักผสมกับการใช้ไฟและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
เทคนิคการเต้น
เรียนรู้เทคนิคการเต้นนั้น เป็นการฝึกฝนความคล่องตัวและเฉพาะทางในการเต้น และเป็นการฝึกฝนสมองให้สามารถหยิบหย่อนมุมมองเชิงลึกได้ เพื่อให้แม่นยำและใช้ท่าเต้นได้ราบรื่น
1. ความจำเป็นของการเต้น : เต้นจากเป็นการใช้ร่างกายทั้งหมด ทำให้ร่างกายบีบคั้น และกำหนดท่าเต้นได้อย่างเต็มที่ จึงมีความสำคัญของการแฟ้มฐาน ควรฝึกให้ควบคุมอวัยวะต่างๆได้ดี เช่น ท่าประกบขา ท่าเหยียดหลัง และกล้ามเนื้อ ฯลฯ
2. การใช้เทคนิคพื้นฐาน : เทคนิคการเต้นเฉพาะ ซึ่งเป็นเคล็ดลับสำคัญในการเต้น ซึ่งรวมถึง การใช้ลำตัว การกระเด้ง การบินและการเลี่ยน ฯลฯ
3. การออกแบบท่าเต้น : ท่าเต้นดีต้องมีลักษณะตามเนื้อหา ความเร็ว และความซับซ้อนของดนตรี การออกแบบท่าเต้นโดยใช้การวิเคราะห์เพลงได้ช่วยให้หาเทคนิคหลังซึ่งไม่ซ้ำกับอื่นๆได้
4. การจัดการกับแรงโน้มถ่วง : การควบคุมแรงโน้มถ่วงที่ตนเองสร้างจะนำไปสู่การบริหารร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสมดุลอวัยวะและการสร้างคลื่นที่ดี
5. การเรียนรู้ในการเต้น : คนที่มีความเจ้าของพ่องของการเต้นได้นำเอาดนตรีมีลักษณะเป็นการเปิดเผยข้อจำกัดของการเต้นเข้ามาช่วยฝึกฝนฝีมือและความคล่องตัวของคน
สรุป
การเรียนรู้เทคนิคการเต้นโดยสืบต่อในแนวโน้มของศิลปะการเต้น ซึ่งมีศักย์อยู่ระหว่างการบ้านช่วยทำให้มีการฝึกฝนทักษะต่างๆ เช่นการควบคุมร่างกาย การเคลื่อนไหวพลิกผัน การู้จักกับการล้อเลียนและการดำ จะทำให้ได้รับประสบการณ์การเต้นอย่างสมบูรณ์และเป็นมืออาชีพในการเต้น ทุกคนสามารถฝึกฝนและเรียนรู้เทคนิคการเต้นได้ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่สนใจด้านนี้ ถ้ามีความตั้งใจและใช้อุปกรณ์อย่างเหมาะสม จะสามารถได้มาตรฐานสูงสุดในการเต้นก่อนได้เวลาใดก็ตาม ในท้ายนี้เพื่อนๆหากสนใจฝึกฝนการเต้นอาจลองเยี่ยมชมและหาข้อมูลจากหิ้วหาสารสนเทศเกี่ยวกับเทคนิคการเต้นและวิธีการฝึกฝนผ่านอินเตอร์เน็ต หรือค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเต้นในห้องสมุด และหลักสูตรการเรียนรู้ด้านนี้ที่พร้อมกัน.